มดเขี้ยวดาบ Harpegnathos venator (อ่านรายละเอียดก่อนสั่ง)

🐜 เมื่อได้มดมาวันแรก ควรนำไปเก็บในตู้หรือกล่องมืดๆก่อน อย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้มดปรับตัว

🐜 เก็บมดในที่สงบ อากาศถ่ายเท และไม่ร้อนอบอ้าว

 

🐜 มดเขี้ยวดาบเป็นมดนักล่าที่มีพิษ ควรใช้ความระมัดระวังในการเลี้ยง หากถูกต่อยอาจมีอาการปวดบวมแดงตรงบริเวณที่มดต่อย โดยทั่วไปแล้วจะสามารถหายได้เองภายใน 3-5 วัน ยกเว้นในกรณีที่มีอาการแพ้ เช่นอึดอัดแน่นหน้าอก หายใจลำบาก อาเจียน  ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

 

🐜 มดเขี้ยวดาบเป็นมดที่ชอบความชื้นสูง ควรเลี้ยงในตู้หรือรังที่มีความชื้นสูง เช่นรังปูน หรือหลอดทดลองแบบ Bamboo (แบบที่ทางร้านส่งไป)

 

🐜 อาหารของเขี้ยวดาบคือแมลงเล็กๆ เช่นแมลงสาบเรดรัน จิ้งหรีด สะดิ้ง  (ไม่ชอบกินหนอนนก) โดยจะต้องให้แบบที่เหยื่อยังมีชีวิตอยู่ หากเหยื่อตายแล้ว มดเขี้ยวดาบอาจจะไม่กินเหยื่อนั้น หากให้จิ้งหรีดหรือสะดิ้งที่มีขนาดใหญ่ หรือเป็นตัวเต็มวัย ควรถอดขาหลังออกก่อน เพื่อให้จิ้งหรีดไม่สามารถกระโดดได้

 

🐜 มดเขี้ยวดาบจำเป็นต้องใช้ดินในการให้ตัวอ่อนทำดักแด้ ดังนั้นจะต้องใส่ดินไว้ที่ Outworld เสมอ โดยใช้ดินพีชมอส หรือดินอื่นๆที่ผ่านความร้อนมาแล้ว โรยปูพืน Outworld ไว้ ไม่ควรมีดินมากเกินไป เพราะมดอาจจะย้ายมาทำรังที่ด้านนอกแทน

 

🐜 ระวังมดละเอียดที่อาศัยอยู่ตามบ้านจะบุกรังเข้าไปกินมดที่เลี้ยงไว้ ถ้าเป็นไปได้ควรหล่อน้ำที่ขาโต๊ะหรือตู้ที่ใช้เก็บมด

 

🐜 หากจำเป็นต้องจับมดควรใช้ที่คีบหรือฟอเซปในการจับ ห้ามจับด้วยมือเปล่าเด็ดขาด รวมถึงบริเวณ Outworld ควรทาน้ำยากันปีนเอาไว้เพื่อป้องกันมดหนีขณะเปิดให้อาหาร เพราะมดเขี้ยวดาบค่อนข้างจะวิ่งเร็ว และยังสามมารถกระโดดได้อีกด้วย

🐜 มดเขี้ยวดาบหนึ่งรังจะสามารถมีนางพญาได้มากกว่า 1 ตัว โดยนางพญาและมดงานใกล้จะมีขนาดใกล้เคียงกันมาก ซึ่งจะแยกได้ยากกว่ามดส่วนใหญ่ วิธีดูว่าตัวไหนคือนางพญาให้สังเกตุบริเวณหลัง (ปล้องกลางของมด)  ตัวที่เป็นนางพญาจะมีส่วนที่นูนมากกว่ามดตัวอื่น และด้านข้างจะมีรอยแผลเป็นจากการสลัดปีก

🐜 มดชนิดนี้ได้มาโดยการขุดขึ้นมาจากรังในธรรมชาติ หลังจากทางร้านได้มดมา เราจะทำการเลี้ยงไว้จนกว่านางพญาจะออกไข่ใหม่ภายในที่เลี้ยงของเรา เพื่อให้มั่นใจว่ามดรังนี้มีนางพญาหลักที่สามารถออกไข่และขยายอาณาจักรต่อไปได้ จึงจะนำมาขายให้กับลูกค้า